Istanbul Marathon งานมาราธอนเดียวบนโลกใบนี้ที่เป็นการวิ่งข้ามทวีป จุดปล่อยตัวอยู่ฝั่งทวีปเอเชีย เส้นชัยอยู่ฝั่งทวีปยุโรป การผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างกลมกลืน ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์แปลกแหวกแนว ไม่เหมือนใคร

ราคาแพคเกจ

Runner Package 89,000 บาท
พิเศษ สมัครก่อน 15 พฤษภาคม ราคา early bird 87,900 บาท

Supporter Package 85,000 บาท

พักเดี่ยว เพิ่ม 8,500 บาท

สิ่งที่รวมอยู่ในแพคเกจ

  • บิบสำหรับ Istanbul Marathon 2024 (เลือกระยะได้ 42K หรือ 15K)
  • โรงแรมตลอดทริป พร้อมอาหารเช้า
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ Bangkok-Istanbul
  • ตั๋วเครื่องบินในประเทศ Istanbul-Cappdocia
  • ประกันเดินทาง
  • มื้ออาหารตามรายการที่ระบุ
  • ทีมงาน LET’S RUN THE WORLD อำนวยความสะดวก

สิ่งที่ไม่ได้รวมอยู่ในแพคเกจ

  • ค่าขึ้นบอลลูน (ประมาณ $250-300) 
  • มื้ออาหารที่ไม่ได้ระบุในแพคเกจ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด มินิบาร์ เครื่องดื่มและอาหารที่ไม่ได้ระบุในแพคเกจ ค่าของที่ระลึก ฯลฯ
  • ค่าความผกผันของอัตราแลกเปลี่ยน (กรณีค่าเงินดอลล่าร์ผกผันเกิน 38 บาท/1 USD)

หมายเหตุ:

  • หากต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินเอง แลกไมล์ อัพเกรด สามารถหักค่าตั๋วเครื่องบินออกได้ 40,000 บาท 
  • หากมีความประสงค์ต้องการเดินทางไปก่อน หรืออยู่เที่ยวต่อ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของประกันเดินทาง เพื่อให้การคุ้มครองครอบคลุม
  • แพคเกจนักวิ่งพร้อมบิบ ไม่สามารถคืนเงินได้ (non-refundable) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อได้ (non-transferrable) ไม่สามารถเลื่อนไปปีหน้าได้ (non-deferrable)

กำหนดการ

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567

20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก ประตู 9 แถว U
เคาท์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ Turkish Airline (TK) เจ้าหน้าที่คอยบริการในการเช็คอินสัมภาระ

22.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK 065 (ใช้เวลาบิน 10.50 ชั่วโมง)

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567

05.50 น. (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) ถึงสนามบินอะตาเติร์ก (IST) นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร 

กรุงอีสตัลบูล (Istanbul) เป็นมหานครของสองทวีป เอเซียและยุโรป เป็นเมืองที่มีความงดงามในประวัติศาสตร์โลกมานานหลายศตวรรษ นับแต่ยุคสมัยของกรีกและโรมัน จนกระทั่งถึง ค.ศ.1453 จึงได้ถูกพวกออตโตมานทำลายลงและเปลี่ยนชื่อมาเป็น อีสตันบูล และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ในปีค.ศ.1985 เรียกโดยรวมว่า Historic Areas of Istanbul

นำท่านล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (Black Sea) กับทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) ถือว่าเป็นจุดบรรจบของทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำเดินทางสู่ Avrasya Show and Art Center เพื่อรับบิบหมายเลขประจำตัวนักวิ่ง และชมงาน EXPO 

เชิญอิสระตามอัธยาศัยที่ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ เลือกซื้อสินค้าของฝากในราคาย่อมเยา เช่น เครื่องประดับ ชา-กาแฟ ถั่วพิทาชิโอ ผลไม้อบแห้ง เป็นต้น

นำเดินเล่นแถวจตุรัสทักซิม  (Taksim Square) เป็นย่านคึกคักที่สุดในมหานครอิสตันบูล และเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งอยู่ในเขตยุโรปของนครอิสตันบูล คำว่า Taksim หมายถึง การแบ่งแยก หรือ การกระจราย ซึ่งมีที่มาจากในรัชสมัยของ Sultan Mahmud I สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำในยุคของออตโตมันและเป็นจุดที่สายน้ำจากทางตอนเหนือถูกรวบรวมและกระจายออกไปยังส่วนอื่น ๆ ของเมืองนอกจากนี้คำว่า Taksim ยังหมายถึงรูปแบบดนตรีพิเศษในเพลงคลาสสิคของตุรกีอีกด้วย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก โรงแรม VICENZA HOTEL หรือเทียบเท่า (พัก 3 คืน)

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำเข้าชมพระราชวังโดลมาบาเช่ (Dolmabache Palace) พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุด ทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมอซิท ในปีค.ศ.1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอาร์เมเนี่ยน ชื่อ บัลยัน  เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรป และตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลืองใดๆ ทั้งสิ้น ภายนอกประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวัง ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน นาฬิกาทุกเรือนของที่นี่จะชี้เวลา 09.05 น. เป็นนิจนิรันดร์เพื่อระลึกถึงเวลาของการจากไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1938 ของ คามาล อาตาเติร์ก (Kamal Ataturk) วีรบุรุษของชาติผู้ขับไล่กองทัพอังกฤษที่เมืองกาลิโปลี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำชมสนามแข่งม้าโบราณของชาวโรมัน ฮิปโปโดรม (Hippodrome) หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น   ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในสมัยอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์    ตุตโมซิสที่ 3 แต่ได้ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สองคือ เสางู และเสาต้นที่สามคือ เสาคอนสแตนตินที่ 7,   สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสุลต่านอะห์เมตที่ 1 ที่ต้องการจะสร้างมัสยิดของจักรวรรดิออตโตมันที่มีความงดงาม และยิ่งใหญ่กว่าโบสถ์เซ็นต์โซเฟีย (St.Sophia) ของจักรวรรดิไบแซนไทน์ให้ได้ โดยสุเหร่าแห่งนี้สร้างประจันหน้ากับโบสถ์เซ็นต์โซเฟีย, โบสถ์เซนต์โซเฟีย (St.Sophia) ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบเซนไทม์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งเดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์ แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนมาเป็นมัสยิด และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัยประธานาธิบดีเคมาล อะตาเติร์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์คริสต์ 916 ปี และมัสยิด 447 ปี ภายในมีภาพประดับโมเสกที่สวยงาม   

** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่าและจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม **

สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูปและเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ

สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

นำชมอ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Underground Cistern)  ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก  โรงแรม VICENZA HOTEL หรือเทียบเท่า

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567

เช้า                   นำเดินทางสู่จุดปล่อยตัวนักวิ่ง ด้วยเรือ ferry ของงาน

เที่ยง                อาหารกลางวันอิสระตามอัธยาศัย

บ่าย                  จากนั้นเชิญอิสระตามอัธยาศัยกับการเลือกซื้อของฝากที่ย่านการค้าชื่อดัง แกรนด์บาร์ซาร์ (Grand Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีร้านค้ามากถึง 4,000 ร้าน ซึ่งเป็นตลาดค้าพรมและทองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกี เช่น แฟชั่นเครื่องหนังคุณภาพเยี่ยม ราคาย่อมเยา

ค่ำ                    รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก                 โรงแรม VICENZA HOTEL หรือเทียบเท่า

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2567

เช้า  รับประทานอาหารเช้าแบบ box set และนำเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล

09.00 น.  ออกเดินทางสู่เมืองอังการา โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่  TK 2134

10.10 น.  ถึงสนามบินอังการา (ESB)

เมืองอังการา เมืองหลวงของประเทศตุรกี เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล มีความสำคัญทั้งทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลตุรกีและเป็นที่ตั้งของสถานทูตประเทศต่างๆ ศูนย์กลางของการค้าขาย ให้ท่านอิสระพักผ่อนบนรถชมวิวเมือง

นำชมสุสานอตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) หรือ อะนิตกาเบอร์ (Anitkabir) อนุสรณ์สถานและสุสานของรัฐบุรุษของประเทศตุรกี  มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk)  ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของตุรกี นายทหารที่มีความสามารถ เป็นผู้บังคับบัญชาของจักรวรรดิออตโตมันเพียงคนเดียวที่ไม่แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 เพื่อรวบรวมประวัติและข้าวของเครื่องใช้ของอตาเติร์ก ภายในยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายให้ได้ชม

 

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำเข้าชมพิพิธภัณฑ์อารยธรรมอันโตเลีย (Museum of Anatolian) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงอารยธรรมอันโตเนีย มีงานแกะสลักหินอันล้ําค่าหรือภาพเขียนหินมากมายที่พบ ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาและทักษะอันยอดเยี่ยมของบรรพบุรุษโบราณ

ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ป้อมอังการา (Ankara Castle) สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 หรือหลังจากนั้น และมีการสร้างขึ้นใหม่เพิ่มเติม 278 ปีก่อนคริสตกาลโดยชาวกาลาเทียน รวมถึงได้รับการบูรณะใหม่อยู่เรื่อยๆแล้วแต่ยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคจักรวรรดิโรมัน ไบแซนไทน์ หรือออตโตมัน

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก  โรงแรม KAHYA HOTEL หรือเทียบเท่า

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

ออกเดินทางสู่เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) **ระยะทาง 303 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง** เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับ ภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว

ทำให้ลาวาที่พ่นและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งเมืองเกอเรเม (Goreme Open Air Museum) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนา โดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ซึ่งก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเผยแพร่เข้าในคัปปาโดเกีย ผู้คนแถบนี้มีเทพเจ้ากรีก-โรมันเป็นที่เคารพบูชา จนเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล” ได้เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในเขตคัปปาโดเกีย แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้นจะไม่ให้การยอมรับ ทำให้ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกียต้องหลบซ่อนการรังควานของชาวโรมัน ด้วยการเจาะถ้ำ ขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์ ทำให้เกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา และตกแต่งภายในด้วยภาพเขียนสี ภาพวาดบนผนังโบสถ์ถ้ำให้สวยงาม จนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 ชาวโรมันให้การยอมรับศาสนาคริสต์ โบสถ์ถ้ำต่างๆ ในเกอเรเม่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ว่ากันว่ามีถึง 365 หลังด้วยกัน (สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) รัฐบาลตุรกีเล็งเห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงเข้าบูรณะ และอนุรักษ์พื้นที่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งเกอเรเม่ ด้านในเต็มไปด้วยภาพเขียนสีตามผนังและเพดาน  โดยปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น  

นำชม Pasabag Fairy Chimneys หรือ Monk Valley เรียกด้วยชื่อภาษาไทยได้ว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” หรือ “หุบเขาพระ” เป็นกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยที่มีลักษณะโดดเด่นคล้ายกับเห็ดยักษ์ โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน

นำเข้าชมโรงงานผลิตเครื่องหนังที่มีชื่อเสียง

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก  โรงแรมถ้ำ SELCUKLU EVI CAVE HOTEL หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567

เช้ามึด คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดพบ (บริเวณ LOBBY โรงแรม)

**OPTION TOUR** ขึ้นบอลลูนชมเมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia Balloon View)
ขึ้นบอลลูน สัญลักษณ์ของตุรกี ชมพระอาทิตย์ยามเช้า ชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย พาโนราม่าวิว ชมเมืองอารยธรรมโบราณ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ สัมผัสบรรยากาศมุมสูง เก็บภาพที่สวยงามรอบตัว
(ค่าใช้จ่ายท่านสามารถติดต่อสอบถามจองและชำระเงินได้ที่หัวหน้าทัวร์ ประมาณ 300 USD/ท่าน ราคาอาอาจะมีการเปลี่ยนแปลง *การขึ้นบอลลูนขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่เหมาะสม* โดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นสำคัญ)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำเข้าชมนครใต้ดินแห่งเคย์มากลิ (Underground City of Kaymakli) ในช่วง 2,000 ปีมาแล้ว ชาวเมืองหนีภัยพวกโรมันที่ต้องการฆ่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยขุดภูเขาหินทำเป็นเมืองอยู่ใต้ภูเขา เมืองใต้ดินแห่งนี้จึงมีทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดินแห่งนี้ ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน ที่ยุคหนึ่งรุกรานชาวคัปปาโดเกียอย่างหนัก แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น มีอุโมงค์ความยาวเชื่อมต่อกันได้ราว 80 กิโลเมตร มีก้อนหินรูปกลมแบนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร หนา 50 เซนติเมตร หนักถึง 300 กิโลกรัม ไว้สำหรับปิดอุโมงค์ ทางเดินแคบเป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันข้าศึก ห้องแรกๆ จะเป็นคอกม้า มีหลุมใส่หญ้ามีที่ผูกม้า ห้องต่อๆ ไปจะเชื่อมถึงกันหมด และค่อยๆ ลึกลงไปเรื่อยๆ ทำเป็นห้องอาหาร ห้องนอน ห้องส้วม ห้องครัว โบสถ์ โรงเรียน ห้องเก็บอาหาร เก็บไวน์ มีช่องใส่ตะเกียงน้ำมัน ช่องเก็บหม้อดินเผา ห้องเลี้ยงสัตว์ จำพวกแกะ แพะ เป็ด ไก่ และวัว ผู้คนที่อยู่ใต้ดินยังทำเบียร์จากข้าวบาร์เล่ย์ ทำไวน์จากองุ่น และยังมีบ่อน้ำมากถึง 200 บ่อ คาดกันว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินราว 10,000 คน มีความลึกเฉลี่ยลงไปในดินราว 25 เมตร มีอุโมงค์แคบๆ ถึง 100 อุโมงค์ มีช่องระบายอากาศที่ดีและพอเพียง อุณหภูมิเฉลี่ย 14-16 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

นำเดิยทางสู่หุบเขาเดอเรนท์ (Devrent Valley)มีอีกชื่อว่า Imaginary Valley (หุบเขาแห่งจินตนาการ) เป็นหุบเขาที่มีภูมิประเทศหินอันแปลกตา ด้วยการก่อตัวและพังทลายตามกาลเวลาของกลุ่มหินสีชมพู ที่สร้างภูมิทัศน์เสมือนกับเป็นพื้นผิวของดวงจันทร์ ทั้งยังมีหินรูปสัตว์ต่างๆ มากมาย ที่ดูเสมือนเป็นสวนสัตว์ที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ กุบเขาแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของคัปปาโดเกีย

เข้าชมโรงงานทอพรม (Carpet Factory) ผลิตพรมทอจากไหมที่มีความละเอียดสวยงาม เมื่อเทียบกับพรมชาติอื่นในขนาดผืนเท่ากันแล้วจะหนักและแน่นกว่า พรมเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของอิสตันบูล ซึ่งมีสองแบบตามลักษณะความยาวของเส้นใยที่ใช้ทอคือ ฮาลื่อและคิลิม ฮาลื่อเป็นพรมแบบทั่วไปที่เห็นกัน วัสดุที่ใช้ทอมีทั้งขนสัตว์ฝ้าย ไหม เมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก ด้านหนึ่งจึงปุยขึ้นเป็นลายตามที่ช่างต้องการ

เข้าชมโรงงานเครื่องปั้นดินเผา พิเศษให้ท่านได้ลองปั้นเอง โดยมีผู้เชี่ยวชาญเป็นคนแนะนำ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

ที่พัก  โรงแรมถ้ำ SELCUKLU EVI CAVE HOTEL หรือเทียบเท่า

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำเที่ยวชมหมู่บ้านอูชิซาร์แห่งคัปปาโดเกีย (Ushisar of Cappadocia Region) เป็นดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี (หรือดินแดนอนาโตเลียตอนกลาง) เป็นพื้นที่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณ จนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่ง กรวย  ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” 

นำชมวิวประจำเมืองที่ Panorama View Point ซึ่งจุดชมวิวแห่งนี้ จะทำให้มองเห็นเมืองเกอเรเมในมุมสูง  อีกทั้งยังมองเห็นคลื่นหิน และหินรูปทรงแปลกตาสวยงามอย่างยิ่ง

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร

แวะชมโรงงานผลิตอัญมณีที่มีชื่อเสียง จากนั้นแวะถ่ายรูป หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley)   (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) จุดชมวิวอยู่ตรงบริเวณหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่  ชาวบ้านเลี้ยงนกพิราบไว้เพื่อนำมูลมาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นปราสาทอุชิซาร์ (Uchisar Castle) และยังมีต้นไม้จำลองที่เต็มไปด้วยดวงตาสีฟ้าแขวนอยู่โดดเด่น

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร

จากนั้นออกเดินทางสู่เมืองเนฟเชไฮร์

21.35 น. ออกเดินทางสู่กรุงอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่  TK2009 (ใช้เวลาบิน 1.30 ชั่วโมง)

23.35 . ถึงสนามบินกรุงกรุงอิสตันบูล แวะพักเพื่อรอการเปลี่ยนเที่ยวบิน

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567

01.55 น.          ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่  TK 068 (ใช้เวลาบิน 9.05 ชั่วโมง)

15.20 .          ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

บรรยากาศจาก Istanbul Marathon 2022

บรรยากาศจาก Istanbul Marathon 2019

ทำไมจึงควรตัดสินใจเลือกซื้อแพคเกจกับ 𝐋𝐄𝐓’𝐒 𝐑𝐔𝐍 𝐓𝐇𝐄 𝐖𝐎𝐑𝐋𝐃®

  • 𝐋𝐄𝐓’𝐒 𝐑𝐔𝐍 𝐓𝐇𝐄 𝐖𝐎𝐑𝐋𝐃® เป็น Official Tour Operator กับ ISTANBUL MARATHON และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนําเที่ยวถูกต้องตามกฎหมาย
  • นำทีมโดย “พี่เชษฏ์” จากเพจ “วิ่งรอบโลก: Running the World” มีประสบการณ์จากสนามมาราธอนทั่วโลกในหลายประเทศ เป็น Six Star Finisher และ Seven Continents Finisher สามารถให้คำปรึกษาเรื่องงานมาราธอนต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
  • มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์ในธุรกิจนำเที่ยวมามากกว่า 10 ปี
  • สนุกสนานและเป็นกันเองกับเพื่อนๆ นักวิ่งและทีมงาน

สนใจแพคเกจหรือมีคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ Line: @letsruntheworld